รีวิวหนัง ร้านค้าของโบราณ The Antique Shop หลอนกลิ่นไทย..กล่าวร้ายพากเพียรสู่สากล ภายหลังที่เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนหน้าที่ผ่านมา ทำพวกเราหลอนน่ากลัวไปกับหนังสยองขวัญ
ร้านค้าของโบราณ The Antique Shop เป็นการถ่ายทอดเรื่องหลอนที่ชอบหลบซ่อนเอาไว้อยู่กับข้าวของต่างๆในร้านค้าของโบราณแห่งหนึ่ง แอนดี้ ชายหนุ่มชาวประเทศสิงคโปร์ได้แวะเข้าร้านค้านี้มาก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศ และก็หญิงลึกลับเถ้าแก่ก็ได้เชิญชวนเขาเสวนากับเรื่องเล่าตอบที่อยู่ในข้าวของแต่ละต้องการที่เขาเลือกขึ้นมา หนังหัวข้อนี้แบ่งพาร์ทการเล่าเรื่องราวออกเป็น 3 ตอนสำคัญๆที่มิได้เชื่อมโยงกัน แต่ว่าร้อยเรียงเอามาเป็นหนังเรื่องเดียวกัน ด้วยเหตุดังกล่าวพวกเราก็เลยจะทำเจาะลึกให้รายละเอียดรีวิวไปแต่ละเรื่องสั้น ดังต่อไปนี้
เรื่องที่ 1 เก้าอี้มรณะ (Survive) เกิดเรื่องราวของ วาดิ ชายหนุ่มชาวอินโดนีเซียที่ยอมจากลูกรักและก็เมียมาประเทศไทยเพียงแต่เพื่อหารายได้ดำรงชีวิตและก็ส่งคืนบ้าน โดยผู้ว่าจ้างของเขานั้นยอดเยี่ยมในแก๊งค์มาเฟียของธุรกิจไม่ถูกต้องตามกฎหมาย วันหนึ่งเขาถูกแก๊งค์มาเฟียคู่ต่อสู้จับกุมตัวมาในสถานที่รกร้าง เขาโดนจับผูกไว้กับเก้าอี้ตัวหนึ่ง เขาจะรอดพ้นจากกรุ๊ปมาเฟียรวมถึงเหล่าวิญญาณรอบๆนี้ได้ยังไง ภาพรวมของเรื่องสั้นเรื่องแรกที่ปฏิบัติหน้าที่เปิดเรื่องของหนังประเด็นนี้ ก็จัดว่าทำออกมาก้าวหน้าพอใช้ การแสดของ “ริโอ ดิวันโต้” ดาราชายหนุ่มชาวอินโดฯ ติดต่อสื่อสารออกมาก้าวหน้า เป็นแอคติ้งที่น้อยแต่ว่ามากมาย ถึงแม้ด้วยข้อจำกัดในเครื่องปรับอากาศไทม์ของหนังสั้นประเด็นนี้ออกจะน้อย หลายส่วนประกอบหนังที่คงจะลึกไปได้กว่านี้เปลี่ยนเป็นจุดอ่อนอย่างโชคร้าย เปลี่ยนเป็นพาร์ทที่ยังขาดน้ำหนักในรายละเอียดไปหน่อย จุดแข็งข้อเด่นของหนังยังค่อนข้างจะแบนเรียบ และก็แทบหาจุดพีคของเรื่องไม่พบ ถึงโดยรวมจะเกิดเรื่องสั้นที่โอเคตามที
ต่อมากับเรื่องที่ 2 กําไลที่ความรัก (Half Second) เกี่ยวกับเรื่องราวของ ไรอัน ชาวประเทศสิงคโปร์ ผู้มาตกหลุมรักกับสาวไทย รวมทั้งเขาได้มอบกําไลรักชิ้นหนึ่งให้กับแฟนสาว แม้กระนั้นกําไลนั้นได้นําพาให้เขาไปพบกับอุบัติเหตุและก็นําพาตัวเองไปอยู่ด้านในห้องขังของสถานีตํารวจแห่งหนึ่งรวมทั้งตรงนี้เองทำให้เขาได้เจอกับวิญญาณไม่มีร่างอันป่าเถื่อน พาร์ทนี้ค่อนข้างจะกล่าวร้ายเป็นอิสระยเข้ามาแบบไม่มีเหตุแล้วก็ผลไปสักนิดสักหน่อย แปลงเป็นหนังสั้นที่เกือบจะไม่มีอะไรน่าจำใดๆก็ตามเลย จุดเชื่อมโยงระหว่างวัตถุกับเรื่องราวไม่เพิ่มเติมเข้ากันได้อย่างน่าไว้ใจ เป็นการจับโยงผูกเรื่องเหมาะที่มิได้รู้สึกอินอะไรก็ตามแม้แต่น้อย ถึงการแสดงของ “อรอยเชียส แปง” จะทำเป็นถูกใจ เป็นการหน้าที่การแสดงชิ้นท้ายที่สุดที่น่าประทับใจอยู่ก่อนที่จะเขาจะเสียชีวิตลง แม้กระนั้นโชคร้ายตัวหนังทำออกมาได้เบาเหวง ไม่มีเนื้อความและก็น้ำหนักที่ยึดเหนี่ยวผู้ชมได้พอเพียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนชอบดูหนังผีไทยที่มีประสบการณ์ร้ายแรงกว่านี้มามากมาย
แล้วก็เรื่องที่ 3 มีดที่ความแค้น (Happy Birthday) ซง ชายหนุ่มชาวประเทศเกาหลีใต้ ที่เคยเดินทางมาเรียนที่ประเทศไทย รวมทั้งถูกบูลลี่โดยเพื่อนฝูงคนประเทศไทย การโดนบูลลี่ในตอนนั้น ถูกกลายเป็นความแค้น ภายหลังที่ ซง เดินทางกลับไปประเทศเกาหลี แล้ววันหนึ่งอยู่ๆเพื่อนฝูงคนประเทศไทยทั้งยัง 3 ก็ได้รับคําชักชวนจากซงให้มาปาร์ตี้วันเกิดที่บ้าน โดยในปาร์ตี้วันเกิด ซงได้ร่วมทำกับข้าวมื้อนี้ให้ทั้งยังสามคนได้ลิ้มรสรส แต่ว่ามีดที่ปรุงอาหารนั้นเปลี่ยนไปเป็นอาวุธที่ใช้ล้างแค้น จบท้ายด้วยความรู้สึกที่ยังชั่งใจอยู่เช่นเดียวกันว่า ควรถูกใจ หรือ น่าจะชิงชัง ในส่วนของหนังพาร์ทนี้นะ? อนึ่งด้วยส่วนประกอบของบทหนังมันช่างไม่มีท่วงทีใดๆก็ตามมีความเพียรพยายามจะใส่พล็อตหักมุมรวมทั้งจิตวิทยาเข้ามา แต่ว่าก็ยังไม่อาจจะหล่อเลี้ยงเรื่องราวไปถึงจุดที่ต้องเป็นได้ ทำให้หนังยังมองครึ่งๆกลางๆไปสักนิดสักหน่อย แล้วก็ส่วนประกอบความสยดสยองที่ใส่เข้ามาก็เกือบจะไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย เพียงพอลูบคลำได้ ทราบแนวทางของเรื่องได้ไม่ยา