หยิบเอามาเล่าสักหน่อยกับหนังรักวัยรุ่นฟอร์มไม่ใหญ่ ที่เพิ่งจะลงจอสตรีมมิ่งไปหมาด ๆ กับ Hello, Goodbye and Everything in Between
ที่มาพร้อมทั้งคอนเซ็ปต์แล้วก็คำขายที่น่าดึงดูดมากมายๆที่ว่า ทุกๆตอนสุดท้ายก็คือการเริ่มต้นใหม่ ที่เป็นการเล่าถึงความเกี่ยวข้องของวัยรุ่นที่ตกลงกันว่าจะคบค้ากันชั่วครั้งชั่วคราว แล้วก็เมื่อถึงเดดไลน์แล้ว…จึงควรเลิกรากันดี เนื่องจากว่าข้างหนึ่งไม่เชื่อมั่นในความเชื่อมโยงระยะยาวที่เกิดขึ้นตั้งแต่วัยศึกษา
Hello, Goodbye and Everything in Between เกิดเรื่องราวระหว่าง แคลร์ กับ เอดินแดน วัยรุ่นที่กำลังจะจบชั้นไฮสคูลในอีกไม่นาน พวกเขาได้บังเอิญมาเผชิญกันรวมทั้งดูชะตาถูกกันอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ แต่สร้างภาระข้อตกลงต่อกันและก็กันในแบบอย่างความเกี่ยวเนื่องชั่วครั้งชั่วคราว โดยพวกเขาควรต้องเลิกร้างแล้วก็แยกย้ายกันไปคนละทาง เมื่อถึงเวลาจำเป็นต้องไปเรียนมหาวิทยาลัย รวมทั้งระยะเวลา 10 เดือนเต็มไปด้วยการเดตที่เป็นสุข ได้ดำเนินมาถึงวันสุดท้ายที่พวกเขาจำเป็นจะต้องทำหยุดความเกี่ยวข้องนี้ลง…
ข้อแรกน่าจะจำต้องพูดว่าหนังรักประเด็นนี้มีคอนเซ็ปต์ที่ค่อนข้างจะยูนีคไม่ธรรมดา กับเพียงแค่ตั้งปัญหาของประเด็นนี้ไว้ว่า รักเพื่อท้ายที่สุดจำต้องเลิกร้าง มันเป็นความคอนทราสที่แจ่มชัดจริงๆหนังหัวข้อนี้ปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงมาจากนิยายรักวัยรุ่นขายดิบขายดีชื่อเดียวกันของ “เจนนิเฟอร์ อี. สมิธ” ที่ฉบับงานด้านการเขียนได้รับคำกล่าวชมเชยไม่น้อย จนถึงมาอยู่ในต้นแบบการแสดงเป็นหนังแล้ว จำต้องรับตรงๆเลยว่า หนังทำมาได้แทบจะดีอยู่แล้วเชียว
ขั้นตอนแรก Hello, Goodbye and Everything in Between เข้าถึงข้อความสำคัญได้อย่างแจ่มแจ้งและก็เร็ว ไม่ปลดปล่อยให้เยินเย่ออะไรเยอะแยะ เพียงจุดขายของเรื่องก็คือการย้อนทวนรักในความจำของทั้งสอง ยังถ่ายทอดออกมาได้ค่อยทำให้ผู้ชมรู้สึกอินสักเท่าไหร่ บางทีก็อาจจะเพราะจุดที่ทั้งสองรักกันแล้วก็มีความรู้สึกดีๆต่อกัน จะต้องฟอร์เวิร์ดไปอย่างรวดเร็วๆด้วยเหตุว่าหนังก็เล่าแบบเร็วๆกับ 10 เดือนเพียงแต่นาทีเศษๆเพียงแค่นั้น โน่นก็เลยเป็นจุดเสียให้การเล่าที่ไม่ค่อยทำให้ผู้ชมเชื่อตามมากแค่ไหน
เมื่อนำสู่หัวข้อวันสุดท้ายของคู่ควงคู่นี้ควรต้องมาถึงที่หมายที่เลิกรากันนั้น เปลี่ยนเป็นความรักที่ค่อนข้างจะแห้งตะปุ่มตะป่ำไปสักนิดสักหน่อย ถึงแม้หนังหัวข้อนี้จะมีความยาวไม่มากแค่ไหน ใช้เวลาร้อยเรียงไม่ถึง 90 นาทีด้วย แม้กระนั้นเพราะอะไรกลับมีความรู้สึกว่าช้าอย่างนานอย่างมาก ทั้งๆที่ตอนต้นเรื่องรีบสปีดมาอย่างว่องไว แม้กระนั้นพอนำพาไปสู่เส้นเรื่องแก่นแท้ในความเป็นจริงแล้วนั้น Hello, Goodbye and Everything in Between ค่อนข้างจะยังไม่สามารถที่จะซื้อใจผู้ชมได้ดิบได้ดีซักเท่าไหร่
หนังหัวข้อนี้เป็นการดูแลหนังใหญ่เรื่องแรกของ “ไมเคิล ลูเวน” ที่เคยเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับหนังรักแนวๆสไตล์วัยรุ่นมาหลายเรื่อง แม้กระนั้นการมาถือจับทำหนังเองในคราวนี้ของเขา ถือว่ายังไม่ค่อยดี แต่ว่าก็มิได้ห่วยอะไร เพราะว่างานโปรดักชั่นรวมทั้งมุมภาพวางแบบต่างๆของหนังทำออกมาได้ค่อนข้างจะดี แม้กระนั้นด้วยส่วนประกอบหลักสำหรับการเล่านี้ยังไม่เหมาะสมบริบูรณ์สักเท่าไหร่ เปลี่ยนเป็นจุดที่มีค่าเพียงน้อยนิดของหนังไปอย่างโชคร้าย
ในขณะที่การแสดงของ 2 ดารานำนั้น นับว่ายังค่อนข้างจะคนใหม่ทั้งสอง “จอร์แดน พิชเชอร์” บางทีก็อาจจะดีกว่านิดหน่อย เพราะเหตุว่าเขาเป็นดาราหนังที่เข้าวงมาตั้งแต่เด็กๆและก็มีประสบการณ์มาเป็นสิบปีแล้ว ในขณะที่ “ทาเลีย ไรเดอร์” ยังจัดว่าออกจะใหม่ แม้กระนั้นเคมีและก็อินเนอร์ทางการแสดงของทั้งสอง ได้สะพรั่งให้มองเห็นถึงความสดใหม่อย่างดีเยี่ยม ถึงแม้แนวทางการแสดงของพวกเขาจะยังไม่มีอะไรเด่นนัก แม้กระนั้นเมื่อมาตามติดคู่กันก็ถือได้ว่ามีเคมีคู่กันที่ดีอยู่
ตกลงว่าโดยภาพรวมแล้วนั้น Hello, Goodbye and Everything in Between เป็นหนังโรแมนติกวัยรุ่นที่ยังออกจะมีความคิดว่าขาดตกบกพร่องอยู่บ้าง ถึงแม้คอนเซ็ปต์และก็เส้นเรื่องจะค่อนข้างจะน่าดึงดูดไม่น้อย แต่ว่าลำดับการเล่าเรื่องและก็พรีเซ็นท์ยังไม่ค่อยซื้อใจผู้ชมให้ใส่ใจก้าวหน้าซักเท่าไหร่ โชคร้ายที่มันน่าจะอิมแพ็คได้ดิบได้ดีต่อหัวใจผู้ชมมากยิ่งกว่า ซึ่งในสุดท้ายแล้ว มันก็แปลงเป็นเพียงแต่หนังรักสตรีมมิ่งที่ฉายแล้วผ่านเลยไป ไม่ค่อยมีโมเมนต์อะไรให้น่าจำได้สักเท่าไหร่