หนังใหม่ รีวิวหนัง วิภาควิจารณ์หนัง Resident Evil : Welcome to Raccoon City
ภายหลังที่สิ้นสุดผีชีวะในสมัยของ “ไม่ลลา โยโอ้อวดวิช” ลงไป หนังชุดนั้นก็ใช่ว่าจะเป็นแฟรนไชส์อันมีคุณค่าและก็สร้างความน่าประทับใจได้มากมายสักเท่าไหร่ เพราะเหตุว่าระยะหลังแทบจะหลุดออกสมุทรไปเสียแล้ว แต่ว่า โซนี่ ก็ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ เนื่องจากว่าพวกเขายังจับเรื่องราวในจักรวาลนี้มาเล่าใหม่ ในต้นแบบเชิงรีบูตใหม่ใน “Resident Evil: Welcome to Racoon City” (ผีชีวะ ปฐมบทที่เมืองผีดิบ) ที่มาปฏิบัติภารกิจเป็นสารเริ่ม ย้อนเล่าต้นกำเนิดการบังเกิดของหายนะทั้งหมดทั้งปวง ที่มองทรงเสมือนจะเคารพนับถือต้นฉบับวิดีโอเกม แต่ว่ารสนั้น…ฝาดชะมัด หนังที่คนดูเยอะ
Resident Evil: Welcome to Raccoon City เล่าราวย้อนกลับไปในช่วงปลายสมัย 90s ที่คราวหนึ่ง Raccoon City เคยเป็นบ้านที่แสนรุ่งเรืองของ Umbrella Corporation บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ แม้กระนั้นในเวลานี้แปลงเป็นเมืองแถบมิดเวสต์ที่ใกล้จะตายลง การโยกย้ายถิ่นฐานของบริษัทนี้ทำให้เมืองแปลงเป็นเมืองร้าง พร้อมกับภูติผีปีศาจที่โผล่พ้นขึ้นมาสู่ผิวดลก เมื่อซาตานถูกปล่อย เหล่าคนเมืองก็ได้ ‘เปลี่ยน’ ไปชั่วกับชั่วกัลป์ โดยมีคนกรุ๊ปหนึ่งที่มีชีวิตรอด พวกเขาจะต้องหันมาร่วมมือกันเพื่อเผยโฉมเรื่องจริงเบื้องหน้าเบื้องหลัง Umbrella แล้วก็เอาชีวิตรอดให้พ้นตอนกลางคืนนี้ไปให้ได้
ที่เกริ่นเอาไว้บนเขียนหัวเรื่องของรีวิวหนังก็คงจะมิได้พูดเกินไปอะไรเลย เนื่องจากว่า Resident Evil: Welcome to Racoon City เป็นหนังที่ค่อนข้างจะน่ารำคาญเสียอย่างยิ่ง เต็มไปด้วยลูกเล่นบ่อยๆเดิมๆที่พบเห็นในหนังเครือญาติซอมบี้ ก็เลยเปลี่ยนออกมาเป็นหนังที่มองเชยไปทุกก้าวที่ถ่ายทอดออกมา การเดินเรื่องราวกับจะไม่ช้า แต่ว่าก็ออกจะช้าด้วยเหตุว่าเป็นการเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนหายนะแค่นั้น
“โยฮันเนส โรเบิร์ตส์” ที่ขึ้นมาจากสมุทรสู่ฝั่งแรคคูนสิตี้ ที่เขาได้มาย่ำยีหัวใจของแฟนคลับวิดีโอเกมชุดนี้อย่างมาก เขาปฏิบัติภารกิจทั้งยังควบคุมแล้วก็เขียนบทหนังหัวข้อนี้ แม้กระนั้นดูอย่างกับว่าวิสัยทัศน์โดยรวมของเขายังไม่สามารถที่จะแบกรับหนังหัวข้อนี้เอาไว้ได้ ภาพรวมที่ออกมาก็เลยไม่ต่างอะไรไปจากหนังที่เล่าแคบๆเชิญชวนอึดอัดๆที่ไม่มีเสน่ห์บนจออย่างสิ้นเชิง เป็นตอนๆเวลาชั่วโมงกว่าๆสำหรับในการดูหนังหัวข้อนี้ที่ต้องการถือโทรศัพท์มาไถ่อัปเดตฟีดข่าวสารทันกระแสยังจะมองมีสาระมากยิ่งกว่า
จังหวะของหนัง Resident Evil: Welcome to Raccoon City ยังทำเป็นไม่ถึงสุด หนังพากเพียรที่ใส่ร้ายสยองขวัญแบบหนังสมัยก่อนเข้าไปผสมๆแต่ว่าในเวลาเดียวกันก็ทิ้งความเป็นหนังซอมบี้ไปมิได้ ความมานะบากบั่นทั้งปวงแปลงเป็นเพียงแต่อารมณ์ครึ่งๆกลางๆหนังทำเป็นไม่สุดเลยสักทางเดียว จะเชื้อเชิญหลอนในตกอกตกใจก็ไม่ทำไม่ถึง จะรังเกียจกับซาตานที่ใส่เข้ามาก็ยังไม่ไหว ทุกๆสิ่งในหนังหัวข้อนี้ก็เลยแปลงเป็นโทนที่แบนราบและไม่รู้สึกตามสนุกสนานไปด้วยเลย
และก็มาได้พบกับแคสติ้งหลักของหนังหัวข้อนี้ ที่ทำให้ต้องการจะก้มตัวไปกุมขมับ เห็นได้ชัดถึงความมานะบากบั่นที่ต้องการจะนับถือต้นฉบับวิดีโอเกม ไม่ว่าจะใช้นักแสดงออริจินัลเข้ามา ดังเช่น แคลร์ กับ คริส เรดฟิลด์, จิล วาเลนไทน์ หรือ อีออง เคนเนดี้ แม้กระนั้นปรากฏว่าการออกแบบผู้แสดงพวกนั้นออกมาช่างจืดจาง และไม่มีอะไรให้น่าจำพวกเขาได้เลยนิดหน่อยเดียว บทหนังไม่สามารถที่จะส่งให้เข้าถึงผู้แสดงแทบทุกตัว ไม่มีเสน่ห์รวมทั้งอารมณ์ร่วมอย่างสิ้นเชิง
ด้วยเหตุนี้ก็เลยทำให้ “คายา สวัวเดลาริโอ“, “ร็อบบี้ เอเมลล์“, “แฮนทุ่งนาห์ จอห์น–ติดอยู่เมน” หรือ “ทอม ฮอปเปอร์” ใช้แค่เพียงพลังความสตาร์ในตัวพวกเขามาขับหนังหัวข้อนี้ เพราะว่าหน้าที่ที่พวกเขาได้รับนั้น แทบไม่เข้ากันตัวพวกเขาเลย เปลี่ยนเป็นเพียงแค่การใส่หน้าที่แล้วก็แสดงไปให้จบๆเพียงเท่านั้น มิได้มีกลเม็ดเด็ดพรายรวมทั้งเสน่ห์ใดๆก็ตามที่พวกเขาสามารถขับออกมาได้จากนักแสดงที่เป็นไอคอนหลักประจำหนังชุดเลย
ที่แท้เค้าเรื่องในหนัง Resident Evil: Welcome to Raccoon City จัดว่าค่อนข้างจะพอใจ ด้วยเหตุว่าจะต้องมีคนไหนต้องการต้องการทราบถึงมูลเหตุของอุบัติภัยที่เกิดขึ้น ที่ฯลฯโคนของหนังแฟรนไชส์ชุดที่แล้ว แม้กระนั้นแปลงเป็นว่าภาคต้นภาคนี้กลับตอบปัญหาผู้ชมยังมิได้ เจาะเข้าไปไม่ถึงจุด รวมทั้งเป็นเพียงแต่การเล่าเรื่องแบบผิวเผินที่มานะที่สร้างความสยดสยองรวมทั้งบิ้วความเพลิดเพลินเหลือเกิน จนถึงแปลงเป็นความไม่สนุก
ขั้นต่ำๆแล้ว Resident Evil: Welcome to Raccoon City ก็เปลี่ยนเป็นสิ่งที่ทำให้หนัง Resident Evil ฉบับของ ไม่ลลา โยโอ้อวดวิช ดูดีขึ้นมาเป็นกองเลย อย่างต่ำๆเวอร์ชั่นก่อนก็ยังมีจุดแข็งแล้วก็เสน่ห์ในตัวที่แฟนคลับใฝ่หา แต่ในหัวข้อนี้นั้น ยังไม่ใช่การแก้ปัญหาสมการที่คงจะกับแฟนคลับเจริญเท่าไรที่ควรจะ ก็เป็นเพียงแต่หนังซอมบี้จังหวะเชยๆที่บอกเลยว่าเชยสลัดตั้งแต่นาทีแรกที่เปิดเรื่องขึ้นมาก็ว่าได้...