“มาถึงหนังลำดับที่ 29 ของจักรวาลหนังมาร์เวล กับการกลับมาอีกครั้งของเทพเจ้าสายฟ้าที่เรารักใน “Thor: Love and Thunder” การกลับมาสู่หนังเดี่ยวของตัวเองอีกครั้ง!
ที่ถือว่าเป็นภาคที่ 4 ที่ก็แอบสนเท่ห์ใจไม่น้อยที่ยังได้โอกาสได้สืบต่อแล้วก็เฉิดฉันเป็นของตนเองได้อยู่ กับคณะทำงานและก็ผู้แสดงที่รู้จักดี นี่เป็นก็เลยเป็นเสมือนการดูมหรสพฟอร์มใหญ่ที่โบ๊ะบ๊ะจัดเต็ม…ตั้งแต่นาทีแรก Thor: Love and Thunder เล่าราวภารกิจสำหรับในการค้นหาความสงบสุขข้างในของ ธอร์ แต่ว่าการเกษียณอายุของเขาถูกก่อกวนโดยมือสังหารผ่านจักรวาลนามว่า กอร์ นักเฉือนทวยเทพเทวดา ผู้เสาะหาการสูญพันธ์ของทวยเทพเทวดาทั้งหมดทั้งสิ้น เพื่อต่อสู้กับภัยรุกรามนี้ ธอร์คลำหาความช่วยเหลือเกื้อกูลจาก ราชาวัลคีปรี่, คอร์ก แล้วก็คนรักเก่าของเขา เจน ฟอสเตอร์ ผู้ทำให้ธอร์ตกอกตกใจตาไม่กะพริบ เมื่อคุณกำลังครองค้อนโยเนียร์ของเขา ในฐานะของ เดอะ ไมตี้ ธอร์
บางครั้งก็อาจจะจำเป็นต้องออกสตาร์ทก่อนเลยว่า ส่วนตัวนั้นแฟรนไชส์หนัง Thor ถือได้ว่าหนังชุดที่มิได้ทราบลึกคลุกคลีแล้วก็เพ่งพิศมัยอะไรมากมายสักเท่าไหร่ หนังอีกทั้ง 3 ภาคก่อนหน้านี้ที่ผ่านมานั้นก็ให้ความรู้ความเข้าใจสึกเฉยๆเป็นส่วนมาก แม้กระนั้นก็แอบรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่มาร์เวลตกลงใจสร้างภาพยนตร์ภาคใหม่ให้กับหัวข้อนี้ ในเวลาที่สหายๆวีรบุรุษรุ่นเดียวกันนั้นแทบไม่ค่อยได้โอกาสได้สืบต่อมีหนังเป็นของตนเองแล้ว
“Thor: Love and Thunder” มีฉากเครดิตด้านหลังเรื่องทิ้งไว้กี่ฉาก? แผ่ปัญหาเหมาะนี่
ก็อาจจะต้องพูดว่า Thor: Love and Thunder ยังคงเป็นหนังที่ค่อนข้างจะรู้สึกแนวทางของตนเองดีอยู่ในระดับหนึ่ง เมื่อมาได้โอกาสมสร้างแล้วก็กลุ่มดาราหนังที่เคยชินกับหนังชุดนี้ดีอยู่แล้ว ก็เลยทำให้การทำงานแล้วก็การถ่ายทอดในหนังออกมาค่อยข้างไหลลื่นอย่างดีเยี่ยมตลอดแทบ 2 ชั่วโมงของหนัง แม้กระนั้นก็จำต้องสารภาพว่าหนังภาคนี้ก็ยังคงดำเนินไปตามแบบฉบับและก็สูตรสำเร็จเดิมที่ไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่เยอะแค่ไหนนัก
“ไทกา ไวครั้งหน” สามารถใส่ลูกเล่นแล้วก็ความเป็นตัวเขาเองเข้าไว้ได้อย่างประดิษฐ์ ด้วยพรสรรค์สำหรับในการสร้างจังหวะโบ๊ะบ๊ะของเขา ถูกประยุกต์ใช้ในหนังประเด็นนี้ได้อย่างเหมาะเหม็ง ก็เลยทำให้อรรถรสของหนังประเด็นนี้ยังค่อนข้างจะกลมกล่อมละมุนละไมดี เมื่อมาเพิ่มเติมกับการอิมโพรไวซ์อย่างมือโปรของกลุ่มดาราหนังชุดนี้ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้หนังช่วยเหลือความสนุกสนานก้าวหน้าไปตลอดทาง
แม้กระนั้นก็จะต้องเห็นด้วยเลยว่า Thor: Love and Thunder บางครั้งอาจจะยังไม่ถึงกับเป็นหนังที่น่าประทับใจที่สุดของจักรวาลมาร์เวล ตัวหนังบางครั้งอาจจะบันเทิงใจแล้วก็สร้างความสนุกสนานก้าวหน้า แม้กระนั้นในด้านรายละเอียดอะไรต่างๆยังค่อนข้างจะขาดความอิมแพ็คที่บางครั้งก็อาจจะถูกมุ่งมาดไปสักนิด แต่ก็สรรเสริญที่หนังกลับมีความเป็นเอกเขนกในตนเองออกจะกระจ่างแจ้งเพิ่มขึ้น โดยที่ไม่มีความจำเป็นที่ต้องพึ่งพาอาศัยการเชื่อมต่อกับจักรวาลใหญ่ในรูปภาพรวม
ถึงแม้ว่าบทหนังจะยังไม่ทำให้พวกเราซื้อสักเท่าไหร่ แต่ว่ากลุ่มผู้แสดงของ Thor: Love and Thunder กลับมีส่วนช่วยประคองหนังอีกทั้งเรื่องเอาไว้ได้อย่างเพลิดเพลินเจริญใจ “คริส เฮมสเวิร์ธ” ที่กลับมาสวมบทบาทเดิมที่รู้จักดีของเขา ที่พวกเราเลิกนับไปแล้วว่าเขาเผยตัวเป็นธอร์ในหนังเรื่องที่เท่าไร แม้กระนั้นเขาก็เปลี่ยนเป็นธอร์โดยธรรมชาติไปเป็นระเบียบแล้ว นี่เป็นธอร์ในลักษณะของเขาเอง การถ่ายทอดติดอยู่แรกเตอร์ในต้นแบบตนเองยังเป็นเสน่ห์ที่มีผลดีต่อหนังอยู่
แล้วก็ในภาคนี้พวกเรายังได้อ้าแขนต้อนรับการกลับมาของ “ที่นาตาลี พอร์ตแมน” ที่บอกตรงๆพวกเราก็ไม่คิดเช่นกันว่าคุณจะยอมกลับมาเล่นหนังวีรบุรุษประเด็นนี้อีกที แต่ว่าเมื่อพล็อตสนับสนุนรวมทั้งสตอปรี่จังหวะพอดีได้ การกลับมาของคุณในคราวนี้ก็นับได้ว่าเป็นส่วนประกอบเสริมและก็เติมเต็มให้กับหนังประเด็นนี้ได้อย่างดีเยี่ยม รวมทั้งเสริมเข้ามาเพิ่มเลือดเนื้อรวมทั้งจิตใจให้กับนักแสดงอื่นได้อย่างยอดเยี่ยมด้วย
Thor: Love and Thunder ยังเต็มไปด้วยนักแสดงที่มากมายรวมทั้งใส่เอาไว้ด้วยดารารับเชิญที่พร้อมจะมีลักขโมยซีนไว้เยอะ แต่ว่าน่าจะไม่กล่าวถึงมิได้ก็คือ “คริสเตียน เบล” ที่ถือได้ว่าอีกหนึ่งติดอยู่แรกเตอร์ที่ผูกจิตใจรวมทั้งเสริมพลังให้กับภาคนี้ได้ดิบได้ดีอย่างเดียวกัน แม้ว่าจะเป็นคนร้ายตัวใหม่ แม้กระนั้นการแสดงของเขาเต็มไปด้วยมิติที่น่าค้นหา เหมือนจำต้องมาเล่นหนังดราม่าเข้มข้นอย่างยิ่งจริงๆ
ถึงจะแอบเสียดายบางส่วน ที่ในสุดท้ายนักแสดงอย่าง กอร์ ในหัวข้อนี้ ไม่ค่อยได้โอกาสได้โชว์ความสามารถรวมทั้งเนื้อแท้ของนักแสดงตัวนี้ออกมาได้แจ่มแจ้งนัก เนื่องจากว่ามั่นใจว่าการแสดงของ คริสเตียน เบล สามารถจะบียอนด์ผู้แสดงนี้ไปได้ไกลกว่านี้ แต่ว่าเนื่องจากนี่เป็นหนังวีรบุรุษในแกนหลัก บางทีก็อาจจะมิได้มีพื้นที่มากไม่น้อยเลยทีเดียวนักสำหรับจุดนั้น แล้วก็โน่นก็ทำให้ 3 ติดอยู่แรกเตอร์หลักที่กล่าวมานั้น ก็นับได้ว่าเป็นลักษณะเด่นจุดแข็งที่สุดของหัวข้อนี้ไปโดยปริยาย
ส่วนตัวแล้วนั้น แอบคิดเบาๆว่า Thor: Love and Thunder ก็แอบมีความเป็นลิเกโรงใหญ่อยู่เช่นกันนะ ด้วยเหตุว่าจะต้องไปถือจับเล่นใจความสำคัญเกี่ยวกับเทวดา เมืองเทวดา เมืองฝัน อะไรต่างๆความเวอวังวิจิตรตระการตาในฉากแล้วก็ส่วนประกอบต่างๆก็มา แม้กระนั้นมันก็ยังเป็นลิเกที่มองได้เพลิดเพลินแล้วก็สนุกสนานก้าวหน้า สนองตอบแล้วก็แฟนเซอร์วิสได้อย่างพอดีในระดับที่ถูกใจ รวมทั้งทำให้มองเห็นถึงเหตุผลที่ว่า เพราะเหตุใด ธอร์ ก็เลยเหมาะสมยังมีหนังผู้เดียวของตนเองอีกในประเด็นนี้นั่นเอง
เอาเป็นโดยสรุปแล้ว Thor: Love and Thunder ก็นับว่าเป็นหนังที่เพลิดเพลินดีในระดับที่คงจะถูกใจต่อแฟนคลับมาร์เวลนั่นแหละ มันบางครั้งอาจจะยังมิได้เพอร์เฟ็คหรือมีอะไรที่น่าจำมากมายสักเท่าไหร่ แม้กระนั้นก็ถือได้ว่าเป็นการขยายความเรื่องราวชีวิตของทวยเทพเทวดาสายฟ้า ภายหลังผ่านเรื่องต่างๆหากแม้เสมือนจะว่ายวนเวียนอยู่อ่างหน่อยก็ตาม แม้กระนั้นจำเป็นต้องเห็นด้วยเลยว่า หนังยังคงทำออกมาได้บันเทิงใจดี และก็ใส่ร้ายป้ายสีเป็นตัวเองเข้าไปได้อย่างแจ่มกระจ่าง ทั้งเพิ่มแต้มความเป็นคนให้กับผู้แสดงเพิ่มขึ้น โน่นเป็นเสน่ห์สำคัญๆของหนังประเด็นนี้