หนังที่คนดูเยอะ Doctor Strange 2
และก็นี่ถือว่าเป็นการถักต่อเรื่องราวจากที่ตบท้ายเอาไว้ตั้งแต่ปี 2019 อย่างเป็นทางการรวมทั้งมุ่งมั่นอีกรอบของจักรวาลมาร์เวล แม้ว่าจะมีสาเหตุจากผลพวงในหนังไอ้แมงมุมภาคก่อนหน้าที่ผ่านมา แต่ว่าทุกๆหัวข้อได้ถูกหล่อรวมเข้าไว้แปลงเป็นมหกรรมเสี่ยงอันตรายพหุจักรวาลที่ยิ่งใหญ่กว่าที่จะจินตนาการได้ และก็นี่เป็น “Doctor Strange in the Multiverse of Madness” การกลับมายิ่งใหญ่อีกรอบของแพทย์แปลก ที่จำเป็นต้องมารับหน้าที่โหมโรงและก็เปิดทางให้กับเฟสใหม่ที่ได้เริ่มขึ้นของจักรวาลที่นี้ รวมทั้งมากับเซอร์ไพรส์ห่างๆที่ผสมปนเปใส่เข้ามาตลอดทั้งประเด็นนี้
สำหรับเรื่องราวใน Doctor Strange in the Multiverse of Madness ในคราวนี้นั้น ถือว่าเป็นการปลดล็อกพหุจักรวาลในมาร์เวล ให้ก้าวผ่านข้อจำกัดเพิ่มมากขึ้นกว่าที่เคยมีมา เดินทางไปสู่มิติที่ไม่บางทีอาจหยั่งทราบได้กับ ด็อกเตอร์สเตรนจ์ กับเพื่อนผู้มีพลังพิเศษอีกทั้งหน้าเก่าแล้วก็คนใหม่ ที่จะมาร่วมเดินทางไปในพหุจักรวาลที่แสนเหยเกและก็อันตราย ทั้งยังไม่คุ้นเคย เพื่อเจอหน้ากับศัตรูลึกลับในคราวนี้
อาจจะต้องบอกจากซื่อตรงจริงว่า Doctor Strange in the Multiverse of Madness ยังไม่ใช่หนังมาร์เวลที่เหมาะสมที่สุด แม้กระนั้นก็มิได้ห่วยแตกที่สุดด้วย หนังบางครั้งอาจจะจัดได้ว่าอยู่ในระดับมาตรฐานทั่วทั้งโลกของหนังมาร์เวล เนื่องจากว่าส่วนประกอบของรายละเอียดที่สัมผัสได้ถึงความบางเบา แต่ว่าได้วัตถุดิบที่เอาจริงเอาจังมาใส่เสริมเข้าไว้ ก็เลยออกมาเป็นการเล่าที่น่าระทึกใจกับพล็อตเรื่องที่แสนจะปกติ รวมทั้งยิ่งได้มารวมกับจักรวาลของมาร์เวลได้แล้ว อย่างไรก็ออกมาเป็นความปังอยู่ดี
ภาคนี้ได้ “แซม ไรมี” กลับมาจับจับหนังวีรบุรุษอีกรอบ และก็แน่ๆว่ามาร์เวลเปิดช่องอิสระให้กับเขาได้ประดิษฐ์และก็เติมแต่งจินตนาการซูเปอร์วีรบุรุษในมุมมองของเขาได้กว้างขึ้น แล้วก็ผลสรุปที่ออกมานั้นจำต้องสารภาพว่าเลยล่ะว่า…มันอยู่ในแนวทางที่ผิดตาจากหนังมาร์เวลทั่วๆไปอยู่เช่นกัน ข่าวสารที่เคยได้ฟังมาว่า “จะเป็นหนังที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของมาร์เวล” อันนั้นก็มีความคิดว่าคงจะจริง ด้วยเหตุว่าหนังหัวข้อนี้ใส่ร้ายเขย่าขวัญแล้วก็สยองขวัญมาเป็นลูกเล่นที่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในแนวถนัดของผู้กำกับรายนี้เลย
แม้ผู้ใดกันแน่ที่เคยได้สัมผัสผลงานหนังเขย่าขวัญของ แซม ไรมี จะสามารถดูดซับได้อย่างดีเยี่ยมว่าเขาถือจับเอาเสน่ห์นั่นเข้ามารวมเป็นหนังมาร์เวลด้วย กลิ่นจากหนัง Evil Dead โชยมา ความน่ากลัวแบบ Drag Me to Hell ก็มีให้มองเห็น ด้วยส่วนประกอบที่เอ่ยถึงสายเวทย์รวมทั้งเวทมนตร์คาถาต่างๆที่เอามาเป็นแกนหลักในหนังหัวข้อนี้ สามารถบังคับแนวทางความเป็นแอคชั่นกับความเขย่าขวัญเข้าเอาไว้ร่วมกันค่อนข้างจะกลมกล่อมละมุนละไม
แล้วก็ที่จะต้องบอกกันตรงๆเลยว่า การที่จะมาดูหนัง Doctor Strange in the Multiverse of Madness หัวข้อนี้นั้น คุณอาจควรจะมีรากฐานสำหรับเพื่อการมองซีรีส์มาร์เวลมาก่อน ไม่ว่าจะเป็น “WandaVision” หรือ “What If…” ที่จะเป็นองค์ประกอบที่จะมาช่วยเติมเต็มและก็ขยายความรู้เรื่องในสิ่งที่หนังประเด็นนี้เล่าได้มากเพิ่มขึ้น แต่ว่าแม้ว่าผู้ใดยังไม่เคยมองซีรีส์กลุ่มนี้มาก่อน ก็ใช่ว่าจะมองไม่รู้เรื่องอะไร ก็พอได้เข้าใจบ้าง แต่ว่าก็น่าจะเป็นจุดที่จะสะกิดต่อมให้ตามมามองย้อนไปแน่ๆ
มาถึงทางด้านการแสดงแล้วก็ผู้แสดงต่างๆใน Doctor Strange in the Multiverse of Madness กันบ้าง บอกเลยว่ามีเซอร์ไพรส์แอบอยู่พอควรเลยจ๊ะ แม้กระนั้นจะไม่สปอยล์อะไรก็ตามให้ไปค้นหาคำตอบในหนังกันเอาไว้ “เบเนดิกต์ คัมเบอร์กางตช์” ก็ยังคงรับหน้าที่เป็นแพทย์แปลกได้ทรงเสน่ห์อีกเหมือนปกติ เขายังคงแบกรับติดอยู่แรกเตอร์และก็สร้างมิติให้กับนักแสดงนี้ได้อย่างน่าทึ่ง อย่างกับว่านี่เป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของชีวิตเขาไปเสียแล้ว
ทั้งยังในหนังภาคนี้ “เอลิซาเบธ โอลสังเวย” ก็คือตัวแม่ที่เฉิดฉัน การกลับมาเป็น วันด้า หรือ สการ์เล็ต วิทช์ อีกทีของคุณ เป็นการบียอนด์หน้าที่นี้ขึ้นไปอีกขั้น เป็นตัวละครที่บทให้ได้เล่นอย่างนานาประการ ถึงแม้ว่าภาพต่างๆของติดอยู่แรกเตอร์นี้ที่คุณได้สร้างเอาไว้จะยังคงดีในแบบอย่างตัวของคุณเอง แต่ว่าก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบผู้แสดงที่สำคัญรวมทั้งช่วยประคับประคองหนังภาคนี้เอาไว้เจริญ
ตอนที่ผู้แสดงสมทบผู้อื่นก็ดูเหมือนจะมีซีนรวมทั้งจุดสำคัญมากเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น “เบเนดิคต์ หว่อง” ที่แฟนคลับจึงควรตกหลุมรักเขาในบทนี้อีกรอบ และก็สมาชิกใหม่ “โซชีต์ล โกเมซ” ในบทที่พึ่งเปิดตัวขึ้นมา อเมริกา ชาเวซ ที่ถือเป็นการหยั่งเชิงของดาราสาวคนใหม่ที่เป็นการเปิดตัวในระดับที่ถูกใจ แล้วก็อีกผู้ที่เอ๋ยถึงมิได้ก็คือ “เรเชล แม็คอดัมส์” ที่กระปรี้กระเปร่าใจจริงๆที่ท้ายที่สุดคุณก็ตกลงใจกลับมารับบทบาทเดิมอีกที รวมทั้งในภาคนี้หน้าที่ของคุณก็เป็นข้อสำคัญของเรื่องไม่แพ้กัน
สรุปว่า Doctor Strange 2 ก็จัดได้ว่าเป็นหนังตามมาตรฐานของมาร์เวล ข้อความสำคัญของหนังมีอีกทั้งมุมมองที่ว้าว ผสมปนเปไปกับมุมมองที่ยังรู้สึกเฉยๆการได้ออกไปเสี่ยงอันตรายในพหุจักรวาลใบใหม่ก็เป็นสิ่งที่สร้างความละลานตาไม่น้อยด้วยเหมือนกัน เพียงมีความรู้สึกว่าหนังไม่ค่อยมอบความสดใหม่ให้กับผู้ชมได้มากเพียงพอสักเท่าไหร่ ยังวนเวียนอยู่ในจุดเซฟโซนของมาร์เวล ไม่ว่าจะเป็นจุดกำเนิดของเรื่องราวรวมทั้งผลสรุปของประเด็นนี้ในภาคนี้ยังรู้สึกมิได้หวือหวา ถึงแม้รายละเอียดจะขับไปด้านหน้าอยู่ก็ตาม
ดังนี้ Doctor Strange in the Multiverse of Madness ก็ยังคงเป็นหนังที่แฟนคลับมาร์เวลจำเป็นที่จะต้องตามเก็บอีกอยู่ดี เพราะเหตุว่าหนังเป็นการขยายจักรวาลให้กว้างเข้าไปอีก ผู้ชมต้องรู้สึกบันเทิงใจกับมันแน่นอนถึงแม้โดยรวมแล้ว นี่จะยังคงเป็นหนังมาร์เวลที่ให้ความรู้ความเข้าใจสึกเพียงแค่เฉยๆออกมาแค่นั้น แต่ว่าก็ไม่ใช่ว่าเป็นหนังที่ห่วยแตก เพราะว่าหนังออกจะดีใช้ได้ ก็แค่สิ่งที่มาร์เวลปูทางมายาวนานหลายปี รู้สึกว่ามาตรฐานของผู้ชมก็คงจะมุ่งหวังเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย และก็ประเด็นนี้ยังทำไม่ได้ไปถึงจุดนั้น