ในเมื่อมหันตภัยร้ายทางไซเบอร์ได้ถูกค้นพบโดย คิมิ พนักงานไอทีที่พบแผนการสมรู้ร่วมคิดที่เป็นปัญหาร้ายแรงระดับชาติ
ด้วยความพยายามนำหลักฐานที่ได้ตีแพร่สู่โลกและมองหาความยุติธรรม ถึงจึงถูกคัดขวางจากกลุ่มอาชญากรรม แต่ด้วยความพยายามที่น่ากลัว คิมิ จึงต้องหาทางจัดการปัญหาเหล่านี้ด้วยตัวของเธอเองครับ และหนังเรื่องนี้ตัวนางเอกคือ โซอี้ คราวิทซ์ ที่กำลังมีผลงานเรื่องล่าสุดอย่าง The Batman โดยเธอรับบท เซลินา ไคล์ หรือแคทวูแมน ด้วยความที่หนังเรื่องนี้เป็นแนวทุนต่ำลงสตรีมมิ่ง
โดยเฉพาะจึงเน้นขายชื่อของผู้กำกับ สตีเว่น โซเดอเบิร์ก กับเธอที่เป็นตัวเอกของเรื่องราวนี้แบบเล่นคนเดียวออกทุกฉากยาวไปจนจบ โดยบทบาทของเธอคือ “แองเจล่า” สาวโปรแกรมเมอร์ที่ทำงานอยู่ในห้องคนเดียวไม่ยอมออกไปไหน ด้วยความที่เป็นโรคกลัวการออกไปนอกห้องจากเหตุการณ์ในอดีต เธอมีหน้าที่รับผิดชอบแก้ไขปรับปรุงปัญหาการใช้งานของลูกค้าจากอุปกรณ์รับเสียงสั่งงานที่ชื่อ คิมิ แบบเดียวกับ SIRI หรืออเล็กซ่าครับ แต่ต่างกันตรงที่คิมิใช้การปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาดของการสั่งงานด้วยคนล้วนๆ ไม่ใช่ AI. ซึ่งเธอก็คือคนที่รับหน้าที่นั้น ซึ่งต้องฟังเสียงที่ส่งมาแก้เป็นเคสๆ ไปครับ แต่เธอก็ได้พบกับเคสหนึ่งที่เป็นเสียงของผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือสั้นๆ
เธอจึงส่งปัญหาที่พบให้กับบริษัท แต่แล้วกลับพบว่าบริษัทไม่ตอบสนองต่อปัญหานี้สักเท่าไหร่ นั่นทำให้เธอพยายามสืบหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยตัวเอง จนกลายมาเป็นภัยร้ายย้อนกลับมาหาตัวเองให้มีตัวหนังมีความยาว 1 ชั่วโมง 29 นาที (รวมเครดิต) แต่ใช้เวลาในการปูเรื่องราวของตัวนางเอกผ่านชีวิตประจำวันยาวกว่าครึ่งชั่วโมง ซึ่งในช่วงแรกนี้เองที่เป็นปัญหาว่าผู้ชมอาจจะงงๆ ว่าพ้อยท์ของหนังเรื่องนี้คืออะไร เพราะแม้จะใช้คิมิในการสั่งทำนั่นของนางเอกครับ ร่วมกับกิจวัตรการแก้ไขงานเสียงของเธอครับ แต่หนังก็ไม่ได้สื่ออะไรให้ผู้ชมได้เข้าใจสักเท่าไหร่ว่าทำไมคิมิสำคัญอะไรขนาดนั้น ซึ่งกิจวัตรของเธอในบ้านก็ออกกำลังกาย ส่องหนุ่มตึกตรงข้าม
ชวนมามี SEX ด้วยกัน เนื่องจากช่วงเวลาในเรื่องคือโควิด 19 ระบาดมีการกักตัวด้วย ตัวหนังจึงเน้นว่านางเอกเลยไม่ออกไปไหนทั้งสิ้น ทุกอย่างทำผ่านหน้าคอมทั้งหมดครับ แม้แต่ปวดฟันก็ไม่ไปหาหมอ มีปรึกษาจิตแพทย์ถึงอาการไม่กล้าออกจากบ้านนิดหน่อย แต่โดยรวมเราก็เหมือนเป็นแค่ผู้ชมที่มองดูเธอทำกิจวัตรประจำวันไปเรื่อยเปื่อยนานมากจนแอบน่าเบื่ออยู่พอสมควรอีกด้วย