รวมทั้งนี่คงยอดเยี่ยมในบทกลอนแล้วก็นิทานปรำปราที่ถูกเสนอมาสร้างบ่อยที่สุดในวงการภาพยนตร์เลยก็ว่าได้
ราวกับพวกเราพึ่งมองเห็นเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาไปหมาดๆและก็วันนี้พวกเราก็ได้มาดูอีกฉบับของ “Pinocchio” เวอร์ชั่นแอนิเมชั่นประสมประสานกับคนแสดงจริงที่สรรค์สร้างขึ้นมาโดยต้นตำหรับ วอลต์ ดิสนีย์ ท่ามกลางเรื่องราวที่ผู้ชมน่ารู้จักดีกันอย่างดีเยี่ยม โดยเหตุนั้นความท้าใหม่คราวนี้ก็เลยขึ้นกับส่วนประกอบงานสร้างรวมทั้งการแปลความเล่าของหนังเป็นหัวข้อหลัก
แน่ๆว่าโลกที่เทพนิยายของ Pinocchio เราโดยมากต่างเคยชินกันดี เจปเปตโต ช่างแกะสลักไม้ผู้สันโดษได้ประดิษฐ์หุ่นไม้ขึ้นมาตัวหนึ่ง แม้กระนั้นเหมือนกับขว้างฏิหารย์เกิดขึ้นเพราะเหตุว่าเจ้าหุ่นเด็กน้อยตัวนี้กลับเคลื่อนแล้วก็บอกติดต่อสื่อสารได้เช่นเดียวกันกับมนุษย์คนหนึ่ง ทำให้เขามีชื่อเรียกว่า พิน็อคคิโอ แล้วก็นี่เป็นจุดเริ่มแรกของการเสี่ยงอันตรายที่แสนอัศจรรย์ใจของพินอคคิโอบนโลกใบนี้
นี่เป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกทีของ “ทอม แฮงก์ส” กับผู้กำกับวิสัยทัศน์รวมทั้งจินตนาการดียิ่ง “โรเบิร์ต เซเม็กคิส” น่าจะเป็นครั้งที่ 4 ของพวกเขา รวมทั้งนี่บางครั้งอาจจะไม่ใช่งานประดิษฐ์ที่แปลกใหม่อะไรของ โรเบิร์ต เซเม็กคิส เนื่องจากเขาชำนาญกับการผลิตหนังสไตล์แอนิเมชั่นโมชั่นมาหลายเรื่อง เป็นต้นว่า The Polar Express, Beowulf หรือ A Christmas Carol แต่ว่านี่บางครั้งอาจจะเป็นงานผสมระหว่างไลฟ์แอคชั่นกับแอนิเมชั่นเรื่องแรกๆของเขา
ทำให้ผลสรุปที่ออกมาคงจำต้องบอกไม่อ้อมค้อมว่า มิได้ห่วยแตกแม้กระนั้นก็ยังไม่ดีสักเท่าไหร่ เนื่องจากว่าเมื่อนำเอาส่วนประกอบทั้งคู่มารวมร่วมกัน ระหว่างคนแสดงกับแอนิเมชั่นมารวมกันไว้บนหน้าจอเดียวกันยังไม่ค่อยกลมกลืนสักเท่าไหร่ หนังมองสมูทมากกว่าเมื่อถึงซีนที่เต็มไปด้วยแอนิเมชั่นต่อบทกันไปๆมาๆ แต่ว่าเมื่อจำเป็นต้องมาแสดงร่วมกับคนจริงๆกลับยังมองภาพกระโดดกระเด้งออกจะชัด ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่โชคร้ายที่ยอดความสามารถยังค่อนข้างจะดึงข้อดีในด้านนี้ได้ไม่ดีสักเท่าไหร่
เมื่อมารวมกับเรื่องราวของหนัง Pinocchio เป็นเทพนิยายแล้วก็นิทานที่พวกเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆทุกคนคงจะรู้จักดีกันอย่างดีเยี่ยม ทั้งนี่เป็นงานประพันธ์ที่ชอบถูกถือเอามาสร้างอยู่หลายครั้ง เมื่อเอามาเล่าอีกในประเด็นนี้ หลายๆอย่างก็เกือบจะไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย แม้ว่าจะบากบั่นและก็ตาท แม้กระนั้นทุกสิ่งยังคงอยู่บนเบื้องต้นรวมทั้งยกย่องต้นฉบับแบบเดิม จุดที่ทำงานแปลความหมายออกมาใหม่ก็ยังไม่ทำให้ผู้ชมว้าวเท่าไร ก็เลยแปลงเป็นหนังไลฟ์แอคชั่นที่รสออกจะจืดชืด แล้วก็ออกจะซ้ำๆซากๆไปนิด
ถ้าว่าทดลองเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นหนังไลฟ์แอคชั่นของอิตาลี ที่ “มัตเตโอ การ์โรเน” เพิ่งจะนำเอาไปสร้างใหม่ เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา แม้หนังฉบับนั้นจะมิได้เป็นหนังที่เพอร์เฟ็คใดๆ แต่พบว่าตัวหนังมีจิตวิญญาณแล้วก็ความละมุนละไมมากยิ่งกว่า Pinocchio ฉบับของดิสนีย์หัวข้อนี้เสียอีก ดังนี้ก็ยังไม่จิตใจอย่างเดียวกันว่า หรือพวกเราในฐานะผู้ชมคาดหมายมากเกินความจำเป็น แต่ว่าก็แน่ใจว่ามิได้มีความหวังอะไรก็แล้วแต่ก่อนที่จะมอง แต่ว่าในฉบับนี้นับว่ายังไม่น่าชอบใจมากแค่ไหน
ส่วนส่วนประกอบทางด้านการแสดง ก็จะต้องสารภาพนั่นแหละว่า ทอม แฮงก์ส ก็คือผู้แสดงมือโปร ที่แสดงแค่นิดนึงก็ทรงประสิทธิภาพแล้ว ก็แค่ Pinocchio นั้น มิได้มีเขาเป็นตัวละครแกนหลักของเรื่องอะไร เขาก็เลยมีพลังเป็นนายหามหนังประเด็นนี้เอาไว้มิได้ เวลาที่ “โจเซฟ กอร์ดอน–เลวิตต์” ที่มาให้เสียงบรรยายเป็น เจไม่นี คริกเก็ต ที่ดูเหมือนจะมีอะไรที่ผิดแผก แต่มิได้ขับความพิเศษออกได้สักเท่าไหร่
ทางด้านงานวางแบบศิลปต่างๆจะต้องเห็นด้วยว่า โรเบิร์ต เซเม็กคิส ยังคงใช้ความสามารถรวมทั้งจินตนาการของเขาได้อย่างดีเยี่ยม ก็แค่วิสัยทัศน์ของเขายังไม่อาจจะสร้างความแปลกใหม่ให้กับหนังประเด็นนี้ได้สักเท่าไหร่ งานดีไซน์ฉากแล้วก็ส่วนประกอบศิลปต่างๆทำเป็นดี งานแนวทางพิเศษก็น่าพึงพอใจ เพียงเพียงแค่เสมือนนำส่วนประกอบมารวมๆกันแล้วนั้น ความกลมกล่อมของหนังอีกทั้งเรื่องยังไกลห่างจากความเพอร์เฟคอยู่
ตกลงว่าโดยภาพรวมแล้วนั้น Pinocchio ในฉบับคนแสดงของดิสนีย์หัวข้อนี้นั้น แอบค่อนข้างจะน่าผิดหวังไปสักนิดสักหน่อย ส่วนประกอบต่างๆยังไม่กลมกล่อมละมุนละไม การรวมถูกกันระหว่างคนแสดงกับแอนิเมชั่นยังไม่ค่อยละมุนเข้ากันได้ บทหนังมีเส้นเรื่องที่แข็งแรงดี แต่ว่าก็มิได้สร้างความแปลกใหม่และก็ผิดแผกใดๆก็ตามแทบจะไม่ต่างอะไรจากพิน็อคคิโอฉบับอื่นๆแม้ว่าจะมิได้คาดหมายแต่ว่าหนังก็แอบทำให้มีความรู้สึกผิดหวังเบาๆแล้วก็ยังค่อนข้างจะห่างชั้นจากของเดิมเวอร์ชั่นการ์ตูนคลาสสิกอยู่อีกไกลมาก